การปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจนวดและสปา โดยเฉพาะร้านที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลและจดทะเบียน VAT เรียบร้อยแล้ว บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและเสนอแนวทางรับมือเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในสถานการณ์ดังกล่าว
ผลกระทบของ VAT 15% ต่อธุรกิจนวดและสปา
1. โครงสร้างต้นทุนที่เสียเปรียบ
ธุรกิจนวดและสปามี “ภาษีซื้อ” ที่น้อยกว่าธุรกิจประเภทอื่น เนื่องจากต้นทุนหลักมาจาก “ค่ามือหมอนวด” ซึ่งไม่สามารถนำมาหักภาษีได้ แม้จะมีการซื้อสินค้า เช่น น้ำมันนวด ยาหม่อง หรือสมุนไพรลูกประคบ จากบริษัทที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ แต่ปริมาณภาษีซื้อเหล่านี้ก็มักจะต่ำกว่าภาษีขายอย่างมาก
2. ต้นทุนที่ไม่สามารถลดได้อีกต่อไป
ในปัจจุบัน หมอนวดกลายเป็นทรัพยากรที่หายาก หากลดค่ามือหมอนวดลง อาจส่งผลให้พนักงานลาออกหรือไม่อยากทำงานกับเรา ซึ่งจะยิ่งเพิ่มปัญหาขาดแคลนแรงงาน
กลยุทธ์ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
1. เพิ่มกลุ่มลูกค้า Premium
การเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มพรีเมียมเป็นวิธีที่สำคัญ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ตัดสินใจใช้บริการโดยให้ความสำคัญกับ “ความรู้สึกและความผ่อนคลาย” มากกว่าราคา การสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และการเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่น่าสนใจ จะช่วยให้คุณสามารถตั้งราคาที่สูงขึ้นได้อย่างเหมาะสม
2. เพิ่มมูลค่าบริการ
หากไม่สามารถลดต้นทุนได้ การเพิ่มมูลค่าบริการเป็นทางเลือกสำคัญ เช่น การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรมหมอนวดให้มีทักษะที่โดดเด่น หรือการสร้างบรรยากาศที่พิเศษในร้าน การปรับราคาขึ้นอย่างเหมาะสมเพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนและยังคงรักษากำไรในระดับที่ใกล้เคียงเดิม
3. ใช้ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการรายรับและค่าใช้จ่ายอย่างมีระบบจะช่วยลดความสูญเสียและเพิ่มโอกาสในการเติบโต
เครื่องมือช่วยธุรกิจนวดและสปา: ThaiHand POS
ThaiHand POS เป็นระบบบริหารจัดการร้านนวดและสปาที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณ:
– เห็นรายรับชัดเจน ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และเงินโอน
– ส่งรายงานในรูปแบบ Excel ให้บัญชีทำงานง่ายขึ้น
– ลดเวลาทำงานด้านปฏิบัติการ ช่วยให้คุณมีเวลาเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ
พร้อมด้วยกว่า 50 ฟีเจอร์ ครบวงจรสำหรับธุรกิจนวดและสปา ในราคาเริ่มต้นเพียง 700 บาท/เดือน