หลังจากผ่านมรสุมทั้งอากาศร้อน เชื้อโรค ไวรัส รวมถึงมลพิษ ฝุ่นควัน PM 2.5 ที่ทะลุมาหาเราได้แม้จะอยู่ในห้อง คงไม่มีอะไรสุขใจไปกว่าการได้อาบน้ำใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งได้ขัดสีฉวีวรรณ ขัดขี้ไคล สครับผิวขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่เจอมาทั้งวัน ก็ยิ่งทำให้สบายตัวขึ้นเยอะเลย แถมพอสครับแล้วผิวของเราก็ยังดูสว่างกระจ่างใสและสะอาดถูกใจที่สุด
เอ…ว่าแต่ สครับที่เราใช้เนี่ย มีกี่แบบ ต่างกันยังไง สครับยังไงถึงจะได้ผลดีที่สุดนะ? ในวันนี้ www.thaihandmassage.com จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 3 สครับที่ป็อปมากที่สุด ซึ่งก็คือ สครับเกลือ สครับน้ำตาล และสครับกาแฟ ให้มากขึ้นกันค่ะ สครับแบบไหนนะ จะใช่ จะเหมาะที่สุดกับผิวเรา เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ!
การสครับผิว การขัดผิว แท้จริงแล้วคืออะไร
การสครับผิว การขัดผิว ก็คือการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกเช่นฝุ่นละออง คราบเหงื่อ หรือที่รวมกันแล้วเราเรียกว่า ขี้ไคล ออกไปจากผิวนั่นเองค่ะ
แน่นอนว่าการสครับผิวจะทำให้ผิวกายเราสะอาดขึ้น และหลังจากที่ขจัดเซลล์ผิวเก่าออกไปแล้ว เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา ซึ่งกระบวนการนี้แหละค่ะที่ทำให้ผิวของเราจะดูกระจ่างใส นอกจากนี้ยังป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย
การสครับผิวนั้นสามารถทำได้ทั้งผิวกายและผิวหน้า แต่ต้องดูที่วัตถุดิบและประเภทของการสครับด้วยนะคะ ว่าเหมาะสมกับผิวส่วนไหน
สครับผิวมีกี่ประเภท
เนื้อสครับผิวมี 2 ประเภทหลัก ๆ ค่ะ แบ่งตามที่มาของตัวสครับ นั่นก็คือ
- สครับผิวแบบสังเคราะห์ หรือสครับผิวที่เป็นเคมีภัณฑ์ ซึ่งเม็ดบีดที่ใช้เป็นตัวสครับส่วนใหญ่จะทำมาจากพลาสติกหรือพลาสติกเคลือบ
- สครับจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่นิยมมากค่ะ เพราะสครับจากธรรมชาติมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน ไม่สามารถกำหนดเนื้อสครับให้มีขนาดเท่ากันเหมือนเนื้อสครับเคมีได้ เลยสามารถขัดเซลล์ผิวและสิ่งสกปรกได้ทั่วถึงมากกว่า สครับจากธรรมชาติที่นิยมมีอยู่มากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เกลือ น้ำตาล กาแฟ สมุนไพร ชาเขียว ชาโคล กากธัญพืช เป็นต้น
ซึ่งเนื้อสครับทั้งสองประเภทนั้นก็อาจไปผสมกับครีมหรือน้ำมันที่มาจากธรรมชาติเช่น coconut butter sheer butter น้ำมันมะพร้าว jojoba oil หรือเป็นครีมให้ความชุ่มชื้นแบบเครื่องสำอางค์ที่เราใช้อยู่เพื่อให้สครับผิวได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
สครับเกลือ
สครับเกลือคือ “เจ้าแม่แห่งวงการสครับ” หากนึกถึงสครับคนส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงสครับเกลือกันเป็นอย่างแรก ซึ่งก็มีให้เลือกสรรกันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเกลือหิมาลัย เกลือทะเลสาบเดดซี หรือที่คุ้นเคยกันป็อย่างดีก็เกลือทะเล และ เกลือ epsom เป็นต้น ซึ่งเนื้อสัมผัส ขนาด ความหยาบ และสรรพคุณของสครับเกลือก็จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดเกลือที่นำมาใช้ด้วยค่ะ ซึ่งก่อนมาขัดผิว จะนำสครับเกลือไปผสมกับน้ำมัน เช่น น้ำมันงา น้ำมันแอลมอนด์ น้ำมันหอมระเหยก็ได้เช่นกันค่ะ
สรรพคุณ :
- ผลัดเซลล์ผิวเก่าและชะล้างสิ่งสกปรกได้ดีกว่าสครับชนิดอื่น เพราะเม็ดเกลือมีขนาดใหญ่และหยาบ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวเก่าที่แห้งและแข็งตามข้อศอก หัวเข่า ข้อเท้า และส้นเท้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังล้างน้ำมัน เหงื่อ หรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวออกไปด้วย ทำให้ไม่เกิดสิว
- ลดอาการอักเสบด้วยสรรพคุณของเกลือเองที่มีซัลเฟตและแมกนีเซียม นอกจากนี้เกลือยังกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดรอยบวมแดง และดีท็อกซ์ให้ผิวดูสุขภาพดีได้อีกด้วย
บริเวณที่ใช้ :
สครับเกลือใช้กับผิวกายได้เท่านั้น โดยเฉพาะส่วนที่มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผิวบริเวณนั้นแข็ง คล้ำ เช่นข้อศอกหรือส้นเท้า เป็นต้น ไม่ควรใช้กับผิวหน้า เพราะลักษณะของผลึกเกลือที่มีความหยาบสูงที่อาจทำให้ผิวหน้าอักเสบได้นั่นเอง
ชนิดผิวที่เหมาะสม :
สครับเกลือเหมาะสำหรับผิวปกติ รวมถึงผิวที่มันและเป็นสิวง่าย
สครับน้ำตาล
นอกจากน้ำตาลจะทำให้ขนมหวาน กลมกล่อม อร่อยมากขึ้น น้ำตาลก็ยังทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียนได้เป็นอย่างดีด้วยค่ะ น้ำตาลที่สามารถนำมาสครับผิวก็มีหลากหลายชนิด เช่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลเป็นผลึกสำหรับผิวกาย และน้ำตาลละเอียดสำหรับผิวหน้า ก่อนจะนำมาสครับก็ผสมกับครีมบำรุงผิวหรือน้ำมัน ซึ่งเนื้อสัมผัสของสครับน้ำตาลก็เนียน ละเอียดและอ่อนโยนมากกว่าสครับเกลือค่ะ
สรรพคุณ :
- ผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน เพราะความละเอียดของผลึกน้ำตาล นอกจากนี้น้ำตาลยังกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ไวมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีมากขึ้นด้วย
- ทำให้ผิวอิ่มน้ำ เพราะน้ำตาลมีคุณสมบัติรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี
บริเวณที่ใช้ :
ผิวกายและผิวหน้า ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำตาลที่นำมาใช้
ชนิดผิวที่เหมาะสม :
ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย
สครับกาแฟ
กาแฟที่ใครหลายคนชอบดื่ม นอกจากเป็นเครื่องดื่มเติมพลังในการทำงานแล้ว ยังเป็นตัวสครับผิวที่ดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ สครับกาแฟจึงเป็นอโรม่าเธอราพีที่ดีไปด้วยในตัว ทำให้คลายเครียด สมองปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น แหม…ขัดตัวอย่างเดียว ได้ประโยชน์สองต่อเลยนะคะ แต่ว่ากาแฟที่นำมาสครับผิวนั้นก็ควรเป็นกาแฟเม็ดที่เพิ่งนำมาบดกับน้ำร้อน ไม่ใช่กากกาแฟที่ผ่านการชงแล้ว เพื่อคงคุณสมบัติและสรรพคุณของกาแฟให้ได้มากที่สุดค่ะ หลังจากบดกาแฟจนได้ปริมาณและความหยาบที่ต้องการแล้วอาจผสมกับเนยทาผิวหรือครีมอื่น ๆ ก่อนนำมาสครับได้เช่นกันค่ะ
สรรพคุณ :
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ดียิ่งขึ้น และช่วยในเรื่องการทำให้สีผิวเท่ากันและเรียบเนียน
- ทำให้ผิวหนังที่ดูหย่อนคล้อยเพราะเซลลูไลต์ดูกระชับขึ้น บอกลาปัญหาผิวเปลือกส้ม ผิวเป็นถุงดูไม่กระชับบริเวณท้องแขน ต้นขา หรือหน้าท้องไปได้เลยค่ะ เพราะคาเฟอีนในกาแฟทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงทำให้ผิวดูเต่งตึง ดูกระชับนั่นเองค่ะ
- ลดการอักเสบของผิวหนัง
บริเวณที่ใช้ :
ผิวกายและผิวหน้า
ชนิดผิวที่เหมาะสม :
ทุกสภาพผิว
ลองมาดูตารางเปรียบเทียบ สรรพคุณ เนื้อสัมผัส วิธีใช้ บริเวณที่ใช้ และสภาพผิวที่เหมาะสมของสครับเกลือ สครับน้ำตาล และสครับกาแฟให้เห็นกันชัดๆ กันเลยค่ะ
สครับเองที่บ้านอย่างไรให้ปัง
ในช่วงเวลาโรคระบาด COVID-19 นี้ที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เราได้ไปร้านสปาเอาเสียเลย จึงต้องสครับผิวเองที่บ้าน หรือใครที่ขัดผิวอยู่กับบ้านอยู่แล้วลองใช้ทิปส์เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ดูนะคะ
- สครับผิวก่อน หรือหลังอาบน้ำก็ได้
- ก่อนสครับผิวให้ล้างตัวด้วยน้ำอุ่น
- สครับผิวเบา ๆ อาจใช้มือหรือถุงมือขัดผิวก็ได้ สครับในทิศทางวงกลม วนไปเรื่อย ๆ ตามบริเวณที่จะสครับ อย่าถูแรงจนรู้สึกแสบ หรือผิวแดง เพราะอาจเกิดอาการอักเสบหรือแผลได้
- เมื่อสครับเสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นอุณหภูมิห้อง
- เช็ดตัวให้แห้ง จากนั้นให้ทาครีมบำรุงผิว หรือ Moisturizer เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว จำพวกวิตามิน E หลังจากสครับผิวทุกครั้ง ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- ไม่ควรสครับผิวทุกวัน หรือบ่อยเกินไป ควรสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
- ผู้ที่มีอาการทางผิวหนัง เช่น มีแผลเปิด ผิวติดเชื้อ เป็นโรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ผิวอักเสบจากการแพ้แดด ควรหลีกเลี่ยงการสครับผิว เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบมากยิ่งขึ้นและติดเชื้อได้